หน้าแรก > โครงหลังคา KITTIRIT-TRUSS
โครงหลังคา KITTIRIT-TRUSS
ระบบโครงหลังคาเหล็กกึ่งสำเร็จรูป
โครงหลังคาเหล็กกึ่งสำเร็จรูป เริ่มมีการนำมาใช้เมื่อประมาณ10 ผลิตภัณฑ์โครงหลังคากึ่งสำเร็จรูปเป็นระบบก่อสร้างที่เหมาะจะนำมาใช้สร้างบ้านในภาวะปัจจุบัน เหตุผลก็คือ
1. ปัญหาเหล็กรูปพรรณด้อยคุณภาพ และ
2.การขาดแคลนแรงงานและช่างฝีมือ
ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ผู้ออกแบบและนักก่อสร้างหรือบริษัทรับสร้างบ้านเกือบ 100 % นิยมนำ “เหล็กรูปพรรณ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เหล็กตัวซี” มาใช้ทำโครงหลังคาบ้าน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับ “โครงหลังคาไม้” แล้วถือว่าโครงหลังคาเหล็กมีราคาถูกกว่า น้ำหนักเบา สามารถลดต้นทุนการก่อสร้างบ้านลงได้
ปัจจุบันการใช้โครงหลังคาเหล็กในการสร้างบ้าน ส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้เทคนิคและวิธีเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่มีการพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นแต่ประการใด มิหนำซ้ำคุณภาพผลงานและฝีมือช่างก็ด้อยลงไปกว่าเดิม ทั้งนี้เกิดจากปัญหาเรื่องฝีมือแรงงานหรือช่างเชื่อม ที่ขาดพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในงานเชื่อมไฟฟ้า และส่วนใหญ่มิได้ผ่านกระบวนการฝึกอบรมหรือเรียนรู้เทคนิคการเชื่อมไฟฟ้าอย่างถูกต้อง
จากการสำรวจข้อมูลพบว่าช่างเชื่อมงานโครงหลังคาเหล็ก ส่วนใหญ่มาจากกรรมกรทั่วไปที่ค่อยๆ ฝึกฝนกันเองจากการทำงานจริง แน่นอนว่าย่อมจะส่งผลต่อคุณภาพและผลงานสร้างบ้าน
อีกประการที่สำคัญคือ เรื่องของมาตรฐานและคุณภาพสินค้า เราพบว่าเหล็กรูปพรรณหรือเหล็กตัวซี ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบัน น้ำหนักและความหนาของเหล็กไม่ได้มาตรฐาน หรือศัพท์ทางช่างจะเรียกกันว่า “เหล็กไม่เต็ม” อาทิเช่น เหล็กรูปพรรณขนาด 125 x 75 x 50 ความหนา 2.3 มม. แต่เหล็กที่จำหน่ายกันในท้องตลาด กลับมีมีความหนาจริงเพียง 1.6–2.0 มม. หรือเหล็กรูปพรรณขนาด 150 x 100 x 75 ความหนา 3.2 มม. ขณะที่เหล็กในท้องตลาดมีความหนาจริงเพียง 2.3–3.0 มม. เท่านั้น (แต่พิมพ์ความหนาเต็ม 3.2) ซึ่งหากเจ้าของบ้านไม่รู้เท่าทันร้านค้า หรือผู้รับเหมาอาจนำเหล็กขนาดไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ตรงตามวิศวกรกำหนดไว้ และนำมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน แน่นอนย่อมส่งผลต่อความมั่นคงแข็งแรงและอายุการใช้งานที่สั้นลง
ส่วนระบบโครงหลังคาเหล็กกึ่งสำเร็จรูปนั้น มีข้อเด่นที่น่าสนใจคือ
1. ใช้ระบบการติดตั้งด้วยน๊อตและสกรู (ไม่ใช้ระบบเชื่อมไฟฟ้าแบบเดิม)
2. ผิวเหล็กเคลือบกาวาไนท์หรือสังกะสีป้องกันสนิม ทำให้ไม่เกิดสนิมที่เนื้อเหล็กตลอดอายุการใช้งาน
3. รูปแบบและขนาดเหล็ก ถูกออกแบบและตรวจสอบคุณภาพโดยวิศวกรจากโรงงานผู้ผลิต พร้อมตัดความยาวเหล็กที่จะใช้ประกอบเป็นโครงหลังคามาเสร็จเรียบร้อย
เพียงข้อเด่น 3 ข้อนี้ ผู้เขียนก็ค่อนข้างพอใจแล้ว เมื่อเทียบกับโครงหลังคาเหล็กรูปพรรณแบบเดิม ที่ต้องใช้วิธีสั่งเหล็กมาเป็นท่อนๆ (ความยาวท่อนละ 6.00 เมตร) แล้วมาทำการตัดและเชื่อมด้วยไฟฟ้า ทาสีกันสนิม ณ สถานที่ก่อสร้างเอง ซึ่งควบคุมฝีมือและคุณภาพได้ค่อนข้างยาก สร้างความรำคาญในขณะทำงาน (สะเก็ดไฟ) บริเวณสถานที่ก่อสร้างก็สกปรก (เปรอะสี, มีเศษเหล็กเกลื่อน) มีขั้นตอนยุ่งยากในการทำงาน รวมทั้งมีโอกาสเกิดอุบัติขณะง่ายจากไฟฟ้า และ สะเก็ดไฟ
เปรียบเทียบ โครงหลังคา Kittirit-Truss กับ โครงหลังคาเหล็กแบบเดิม
การออกแบบ
ข้อกำหนดในการออกแบบ ตาม AISC Code. / jis โดยวิศวกร ที่มีประสบการณ์ ในการอกกแบบ และ ควบคุมงานระบบโครงหลังคาสำเร็จรูปโดยตรง เพื่อมาตรฐานและความปลอดภัยตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร แห่งประเทสไทย และ มาตรฐานตาม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตามมาตรฐาน
Structural steel design (มาตรฐาน AISC/ASD/LRFD)
ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Geo Structure Analysis & Design
ที่มีความแม่นยำสุด ตามข้อกำหนดการออกแบบโครงสร้าง